อีกหนึ่งสมุนไพรที่ต้องบอกเลยว่า ทำเอานักสูบบุหรี่ขยาดบุหรี่ไปตามๆกัน เพราะเจ้าใบโปร่งฟ้านั้นมีสารที่แปลกประหลาดอยู่ในใบของมัน ที่จะเป็นแนวๆเดิมเลย คือการทำให้ลิ้นรับรสของเรารับรสผิดเพี้ยนไป แล้วเปลี่ยนให้รสบุหรี่กลายเป็นรสที่รสชาติชวนอ้วกขึ้นมา ที่เรียกว่ารสชาติชวนอ้วกนี่ เรื่องจริงนะ

คนที่ใช้วิธีนี้ในการเลิกบุหรี่ บางครั้งถึงกับอ้วกเลยล่ะ เพราะรสชาติบุหรี่นั้นจะกลายเป็นรสชาติที่แย่มากๆจริงๆ ซึ่งเจ้าใบโปร่งฟ้านี้ จะไม่ได้ใช้ในรูปใบใบชาแห้ง แต่จะเป็นการใช้ใบสดๆของมันเลย คงสงสัยละสิ ใบสดๆเอามาทำอย่างไรได้บ้าง ก็ต้องบอกกันตรงๆเลยว่า เอามาเคี้ยวกันสดๆนั่นแหละ

เขี้ยวเหมือนกับเคี้ยวใบหมากเลย นี่ก็คงเป็นจุดหนึ่งที่วิธีนี้ไม่ค่อยน่าพิสมัยสักเท่าไหร่ เพราะการเคี้ยวใบไม้สีเขียวสดๆแบบนี้ ก็มีคนที่ไม่ชอบเหมือนกัน เพราะที่แน่มันจะให้รสชาติและกลิ่นที่เหม็นเขียวแน่นอน ซึ่งอย่างตัวผมเองก็ไม่ชอบกลิ่นเหม็นเขียวแบบนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นแหละวิธีนี้อาจจะไม่ได้เหมาะกับคนทุกประเภทก็ได้

เจ้าใบโปร่งฟ้านี้นอกจากจะมีรสชาติและกลิ่นที่เหม็นเขียวแล้ว ก็ยังมีรสชาติที่หวานๆแปลกๆอีก หรือจะเรียกว่าหวานปะแล่มก็ได้ ไอ้การที่มีรสหวานของใบนี้ บางคนอาจจะบอกว่าเป็นรสชาติที่ช่วนให้เคี้ยวง่ายขึ้น แต่สำหรับบางคนเช่นผมคนนี้

เรียกได้ว่าเกลียนรสชาติหวานปะแล่มนี้อย่างมาก มันทำให้ชวนอยากจะอ้วกตั้งแต่ยังไม่ได้ต้องไปดูดบุหรี่ด้วยซ้ำไป แล้วก็อย่าลืมล่ะ เจ้าใบโปร่งฟ้านี้เข้าให้เคี้ยวเท่านั้น ไม่ใช่กิน เพราะฉนั้นเคี้ยวไปสักพักนึงก็คายทิ้งด้วย ไอ้ความที่มันหวานปะแล่มนั้นแหละตัวดีเลย ที่ทำให้รสชาติบุหรี่เปลี่ยนไปจนชนอ้วกนั่นเอง ถึงเป็นจุดเด่นของการเลิกบุหรี่ด้วยใบโปร่งฟ้านี้

การจะหาใบโปร่งฟ้านี้แบบสดๆ นั่นก็ต้องบากว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเดียวกัน เพราะว่า เจ้าใบโปร่งฟ้านี้ไม่ใช่พืชที่นิยมปลูกกันทั่วไป ถ้าเกิดใครได้หามาลองแล้วรับในรสชาติและสามารถใช้วิธีนี้ในการเลิกบุหรี่ได้ล่ะก็ ก็แน่นำให้หาเมล็ดมาปลูกใบบ้านตัวเองได้เลย

จะได้มีไว้เด็ดมาเคี้ยวตลอดเวลาไม่ต้องไปหาซื้อให้ยุ่งยาก อีกทั้งด้วยที่มันเป็นใบไม้สด อาจจะต้องกลัวเรื่องสารปนเปื้อนต่างๆด้วยนะ ถ้าซื้อมาก็ต้องล้างหนักสักหน่อยเพื่อมีสารจากยาพ่นต่างๆ หรือถ้าเป็นในส่วนที่ปลูกเองก็เด็ดมาล้างน้ำสักหน่อยเพื่อล้างฝุ่นหรือไข่แมลงต่างๆออกไป

สนับสนุนโดย  แทงหวย

“หมิ่นประมาท” คงเป็นคำที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินผ่านหูหรือเห็นผ่านตากันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะบนอินเตอร์เน็ต
บนหน้าหนังสือพิมพ์ เพราะบ่อยครั้งมากที่สังคมเราเกิดการฟ้องร้องกันในกรณีแบบนี้นับไม่ถ้วน เช่น ในกรณีที่ผู้มีชื่อเสียงฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย

จากสำนักข่าวที่เสนอข่าวไม่เป็นความจริงอันมีผลกระทบและความเสียหายต่อชื่อเสียงของเขา หรือกรณีที่ดาราฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้แสดงความคิดเห็นลบอันเป็นข้อความที่สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงต่อดารา เป็นต้น ซึ่งการหมิ่นประมาทนั้นมีหลายรูปแบบมาก วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกับคำว่า “หมิ่นประมาท”
ให้มากขึ้น

หมิ่นประมาทเป็นโทษฐานความผิดฐานหนึ่งที่ถูกบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งอยู่ในความผิดลหุโทษ
อันเป็นความผิดที่สามารถยอมความกันได้ ความหมายของหมิ่นประมาทนั้นคือ การที่พูดใส่ความหรือใส่ร้ายคนอื่นในเรื่องที่ไม่จริงหรืออาจจะเป็นเรื่องจริงแต่การที่พูดออกไปนั้นจะทำให้อีกฝ่ายอับอายหรือเสียหาย อย่างเช่น การที่ไปกล่าวหาว่าเขาเป็นเมียน้อยเป็นผู้หญิงขายบริการ หรือการที่ไปกล่าวหาว่าเขาฉ้อโกง ทุจริตเงินของบริษัทที่เขาทำงานอยู่ 

มาถึงประเด็นนี้แล้วหลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วการกระทำหรือคำพูดแนวไหนบ้างล่ะที่เรียกว่าเป็นการหมิ่นประมาท

การชี้หน้าด่าผู้อื่นต่อหน้าบุคคลที่สามด้วยถ้อยคำหยาบคาย 

คำว่า “อีควาย อีสัตว์ อีเหี้ย” หลายๆคนคงอาจจะไม่เข้าใจว่าคำเหล่านี้เป็นถ้อยคำหยาบคาย ไม่สุภาพ ไม่น่าจะถึงกับเป็นการหมิ่นประมาทได้ แต่ความเป็นจริงแล้วศาลอุทธรณ์ภาค 3 เคยมีคำพิพากษาว่า การที่ชี้หน้าด่าผู้เสียหายด้วยถ้อยคำหยาบคายด้วยคำว่า อีเหี้ย อีสัตว์ อีควาย นั้นมีลักษณะเปรียบเทียบผู้เสียหายเป็นสัตว์ อันเป็นการดูหมิ่นผู้เสียหาย ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา

และคำว่า “อีดอก อีตอแหล” เองก็เข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทด้วยเพราะศาลฎีกาเคยมีคำพิพากษาว่าถ้อยคำหยาบคายเหล่านี้เป็นถ้อยคำที่ประชาชนทั่วไปถ้าได้ฟังจะเข้าใจได้ว่า ผู้ที่ถูกด่าต้องเป็นผู้หญิงไม่ดีแน่ๆ ดังนั้นการด่าผู้อื่นต่อหน้าบุคคลที่สามด้วยคำเหล่านี้จึงถือว่าเป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา

การใส่ความในเรื่องการประพฤติตัวของผู้อื่น

การที่ใส่ความผู้อื่นด้วยกล่าวหาเขาต่อบุคคลที่สามย่อมเป็นการหมิ่นประมาท เช่น ไปประกาศทั่วตลาดกล่าวหาว่าเขาเป็นเมียน้อย เป็นคนฉ้อโกง เป็นคนติดยา เป็นคนขี้คุก เป็นคนประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง การกล่าวหาในทำนองนี้ย่อมเป็นการหมิ่นประมาทอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ต้องพูดกล่าวหาต่อหน้าบุคคลอื่นเท่านั้น ยังรวมไปถึงการพิมพ์แชทคุยกับคนอื่นด้วย และการโพสต์ข้อความด่าหรือกล่าวหาเขาบนโซเชียลด้วย

และนี่คือการหมิ่นประมาทอย่างคร่าวๆที่ผู้เขียนพอจะนำมาสรุปให้ได้ว่ามีรูปแบบใดบ้าง ทั้งนี้ทั้งนั้นการจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทได้จะต้องดูที่เจตนาของผู้กระทำด้วย

ถ้าเป็นเพียงเพื่อนที่พูดจาหยอกล้อกันก็ย่อมเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเราจะไปวิจารณ์ กล่าวหา ด่าใครบนโซเชียลผู้เขียนก็อย่างให้พิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วนและรอบคอบด้วยว่าข้อความนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เป็นถ้อยคำที่ทำให้เขาเสียหายหรือไม่ จะได้ไม่โดนฟ้องร้องในภายหลัง และเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ไปหมิ่นประมาทใครอย่างไม่รู้ตัวด้วย

สนับสนุนโดย  ถ่ายทอดสดหวยฮานอยวันนี้

          นับเป็นปัญหาหนึ่งของสังคมการเดินทางในสังคมคนนั่งรถตู้เลยก็ว่าได้เกี่ยวกับเรื่องของการแย่งที่นั่งกันบนรถตู้ซึ่งโดยปกติแล้วถ้าหากใครที่เคยขึ้นรถตู้จะเห็นได้ว่าทางด้านพนักงานขับรถตู้นั้นจะมีการให้คนที่มารอขึ้นรถตู้นั้นได้มีการเข้าแถวรอคิวเพื่อที่จะขึ้นรถตู้เพื่อที่ใครมาก่อนก็จะได้ขึ้นรถตู้ก่อนนั้นเอง

         อย่างไรก็ตามปัญหาที่มีการพบเจอกันและเป็นปัญหาที่แก้ไขไม่ได้นั่นก็คือเมื่อมีการเข้าแถวเพื่อจะรอขึ้นรถตู้คนที่ขึ้นก่อนสามารถที่จะเลือกที่นั่งได้ก่อนและบางครั้งคนที่ขึ้นมาก่อนนั้นก็ไม่ยินยอมที่จะไปนั่งด้านหลังสุดของนักสู้โดยเลือกที่จะนั่งด้านหน้าซึ่งขณะที่นั่งด้านหน้าก็สามารถนั่งกีดขวางคนที่จะขึ้นมาภายหลังต่อจากตนเองจึงมักจะทำให้เกิดปากเสียงกันระหว่างผู้โดยสารบนรถตู้นั่นเอง

          แน่นอนว่าถ้าหากใครเคยจำกันได้ในช่วงประมาณเดือนกันยายนกลางเดือนของปีพศ2563 ได้มีกรณีวิวาทกันของผู้โดยสารเกิดขึ้นเนื่องจากมีการแย่งที่นั่งบนรถตู้กันโดยผู้โดยสารนั้นเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันตั้งแต่สถานีที่ขึ้นก็คือตรงบริเวณสถานีรถตู้รังสิตมีการด่าทอกันไปมาบนรถตู้ระหว่างที่นั่งเพื่อไปลงที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยในกรุงเทพฯ

            เหตุการณ์ในครั้งนั้นเป็นข่าวเกรียวกราวโด่งดังใหญ่โตเนื่องจากว่ามีการอัดคลิปเอาไว้ได้และในคลิปก็จะเห็นได้ว่าผู้โดยสารคนที่ไม่พอใจที่คิดว่าตนเองโดนแย่งที่นั่งบนรถตู้นั้นด่าผู้โดยสารอีกคนหนึ่งมาบนรถตั้งแต่รังสิตยาวมาจนถึงอนุสาวรีย์ชัยและเมื่อลงจากรถตู้แล้วผู้โดยสารคนดังกล่าวก็ยังไม่หยุดพฤติกรรมว่ากล่าวคนอื่นอีกทั้งยังรอดักซุ่มโจมตีด้วยการดักตบผู้โดยสารอีกคนหนึ่งทำให้เกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โตและเกิดปฏิกิริยาความกันเกิดขึ้น

         ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ผู้ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ไม่ใช่ผู้โดยสารแต่ต้องเป็นทางด้านคนขับรถตู้ที่ควรจะต้องมีการจัดระเบียบการจัดที่นั่งให้กับผู้โดยสารขึ้นรถตู้โดยมีการกำหนดเงื่อนไขอย่างชัดเจนว่าหากใครขึ้นก่อนก็ให้เดินเข้าไปข้างในสุดแล้วค่อยๆทยอยนั่งออกมาข้างนอกเรื่อยๆ

ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้ผู้โดยสารทุกคนรู้เงื่อนไขการนั่งได้เป็นอย่างดีว่าหากตนเองขึ้นไปแล้วควรจะต้องนั่งตรงบริเวณไหนถึงจะสามารถไม่เกิดปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันและจะได้ไม่มีผลการตบตีกันของผู้โดยสารตามมาภายหลัง

         แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันการเดินทางนั้นมีให้เลือกเดินทางหลายแบบทั้งเดินทางผ่านทางรถแท็กซี่หรือแม้แต่การเดินทางผ่านรถไฟฟ้าใต้ดินและรถไฟลอยฟ้าดังนั้นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของการแย่งกันนั่งบนรถตู้ในปัจจุบันนี้ทำให้ลดน้อยลงแต่ถึงจะมีก็เชื่อว่าคนขับรถตู้จะสามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงได้อย่างแน่นอน

ได้รับการสนับสนุนโดย  แทงหวยฮานอย