โรคมือเท้าปาก (Hand, Foot, and Mouth Disease)

 

โรคมือเท้าปาก (Hand, Foot, and Mouth Disease) เป็นโรคที่สามารถติดต่อได้จากเชื้อไวรัส มักเกิดจากไวรัสชนิด Enterovirus, โดยที่พบบ่อยที่สุดคือไวรัส Coxsackie A16 และไวรัส Enterovirus 71 อาการของโรคมือเท้าปากมักจะประกอบด้วยอาการไข้, อาการเจ็บปวดในปาก, รอยจากตุ่มน้ำใสที่ปาก, มือ, และเท้า, อาจมีผื่นพุพองบริเวณหนังและเยื่อบุตา

รวมถึงอาการไม่ค่อยอยากกิน โรคนี้ส่วนใหญ่พบในเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงอายุ โดยการรักษาจะเน้นการบรรเทาอาการและควบคุมอาการปวด ไข้ และรอยแผลบริเวณปากและแผนที่ต่างๆ โดยปกติแล้วโรคนี้จะหายเองภายใน 7-10 วัน

การแก้ไขโรคมือเท้าปากมักเน้นการบรรเทาอาการและการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ดังนี้

1.รักษาอาการอย่างเหมาะสม: ให้ผู้ป่วยพักผ่อนมากพอที่จะให้ร่างกายเกิดพลังงานในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส เพียงพอที่จะดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ อาจต้องให้ยาลดไข้หรือยาแก้ปวดตามความเหมาะสม

2.ดื่มน้ำมาก: การดื่มน้ำมากจะช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นในร่างกายและลดอาการขาดน้ำที่อาจเกิดขึ้นจากไข้และอาการอื่น ๆ

3.รักษาความสะอาด: การรักษาความสะอาดทั้งร่างกายและสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น การล้างมือบ่อยๆ และการทำความสะอาดพื้นผิวที่สัมผัสมากที่สุด เช่น ของเล่น

4.รักษาการแพร่เชื้อ: สำคัญที่จะหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไปยังผู้อื่น โดยการหลีกเลี่ยงการมีสัมผัสกับน้ำลาย, น้ำมูก, และสารอื่น ๆ ที่อาจมีเชื้อไวรัสอยู่ และการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ

5.การป้องกันการแทรกซ้อน: หากเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อที่เลือดหรือปอด ควรพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

6.การให้อาหารที่เหมาะสม: ให้อาหารที่อ่อนโยนกับปากและคอ โดยเลือกอาหารที่ไม่เจือป่วยหรือระคายเคืองเพิ่มเติมในระหว่างช่วงเวลาที่เป็นโรค

7.ความระมัดระวังเรื่องการควบคุมอาการ: หากมีอาการรุนแรง หรืออาการที่ไม่ปกติ เช่น อาการขาดน้ำหรือไข้สูงมาก ควรพบแพทย์เพื่อการรักษาเพิ่มเติมและการดูแลอย่างถูกวิธี

การป้องกันโรคมือเท้าปากมีด้วยกันหลายวิธี ดังนี้

1.การล้างมือ: การล้างมือโดยใช้สบู่และน้ำที่มีฟองสร้างขึ้นเป็นนาฬิกา โดยเฉพาะหลังจากการใช้ห้องน้ำ การเปลี่ยนผ้าอ้อม และก่อนทานอาหาร เป็นการลดโอกาสในการติดเชื้อ

2.การล้างของเล่นและพื้นผิว: ควรทำความสะอาดของเล่น พื้นผิว และพื้นที่สัมผัสบ่อยอื่นๆ บ่อยๆ โดยใช้สารทำความสะอาดที่เหมาะสม เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส

3.การหลีกเลี่ยงการสัมผัส: หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำลาย น้ำมูก และสารอื่น ๆ ที่อาจมีเชื้อไวรัสอยู่ และหลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนกลาง เช่น แก้วน้ำ ช้อน กระชาก หรือของเล่น

4.การเลี่ยงที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย: หากมีคนในครอบครัวหรือสิ่งแวดล้อมที่มีคนติดเชื้อ ควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกัน โดยเฉพาะในช่วงที่มีอาการ

5.การป้องกันการแพร่เชื้อในสถานที่สาธารณะ: การใช้มาส์กหน้า การติดเชื้อ การสวมหน้ากาก และการเพิ่มระยะห่างทางสังคม สามารถช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสในสถานที่สาธารณะ

 

สนับสนุนโดย    คาสิโน เวียดนาม ฮานอย