จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเราออกกำลังกายวันละ 10 นาที 

 ออกกำลังกายวันละ 10 นาที อย่างที่เรารู้กันดีว่าการออกกำลังกายนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์เป็นอย่างมากและคนทุกเพศทุกวัยก็ควรที่จะมีการออกกำลังกาย  ซึ่งแต่ละวัยนั้นระยะเวลาในการออกกำลังกายสามารถทำแตกต่างกันได้  โดยคนที่มีอายุมากแล้วตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปนั้นสามารถออกกำลังกายวันละเพียงเล็กน้อยได้ซึ่งเราสามารถที่จะเลือกออกกำลังกายวันละแค่ 10 นาทีได้เช่นกันดังนั้นหลายคนอาจจะสงสัยว่าช่วงเวลาแค่ 10 นาทีในการออกกำลังกายนั้นมันจะทำให้สุขภาพร่างกายของเราแข็งแรงได้จริงหรือไม่ดังนั้นในบทความนี้เราจึงจะมาพูดถึงถ้าเรามีการออกกำลังกายวันละ 10 นาทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราได้บ้าง 

อย่างที่เรารู้กันดีว่าโดยปกติแล้วการออกกำลังกายนั้นอย่างต่ำควรจะต้องมีการออกกำลังกายตั้งแต่ 30 นาทีขึ้นไปถึงจะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงและได้ผลลัพธ์ที่ดี  แต่ถ้าหากว่าบางคนที่ไม่มีเวลาที่จะออกกำลังกายเลยหรือแม้แต่คนที่สูงอายุแล้วหากออกกำลังกายเป็นระยะเวลานานๆก็อาจจะทำให้เกิดการเมื่อล้าและจะได้รับผลเสียจากการออกกำลังกายมากกว่าได้รับผลดีดังนั้นช่วงเวลาในการออกกำลังกายเพียงแค่วันละ 10 นาทีก็สามารถที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงได้เช่นเดียวกัน 10 Trizeps-Übungen für Frauen, die für straffe Arme sorgen

ถึงแม้ว่าเพียงแค่ 10 นาทีในแต่ละวันนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่น้อยมากและสั้นมากแต่ที่จริงแล้วถ้าหากว่าเราออกกำลังกายทุกวันอย่างต่อเนื่องวันละ 10 นาทีมันก็เพียงพอที่จะทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงเพราะโดยปกติแล้วการออกกำลังกายอย่างหักโหม 1 วันถึงแม้จะเป็นระยะเวลานานหลายชั่วโมงแต่ก็ไม่ได้ทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงภายในวันเดียวได้ซึ่งการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญมากกว่า 

สำหรับการออกกำลังกายวันละ 10 นาทีนั้นเราสามารถเลือกใช้วิธีการเดินวันละ 10 นาทีหรือแม้แต่การวิ่งวันละ 10 นาทีก็ได้หรือถ้าหากใครแข็งแรงขึ้นหน่อยจะเป็นการวิ่งขึ้นบันไดวันละ 10 นาทีก็ได้เช่นเดียวกันหรือยังมีกิจกรรมการออกกำลังกายอื่นๆอีกมากมายที่เราสามารถทำได้วันละ 10 นาทีถ้าเราสามารถออกกำลังกายได้ทุกวันมันจะส่งผลดีต่อร่างกายของเราไม่ต่างจากการที่เราออกกำลังกายวันละชั่วโมงเลยทีเดียว 

ถ้าหากว่าเราอยากให้ร่างกายสุขภาพแข็งแรงเราควรเลือกออกกำลังกายที่เสียเหงื่อมากๆเช่นอาจจะเต้นเพลงประมาณ 2-3 เพลงหรืออาจจะกระโดดเชือกหรือปั่นจักรยานกลางอากาศเพียงแค่วันละ 10 นาทีเท่านี้ก็ทำให้ร่างกายแข็งแรงได้แล้วเช่นเดียวกันอย่างไรก็ตามถ้าหากว่าเราสามารถมีเวลาหรือเราสามารถออกกำลังกายได้เกินกว่าวันละ 30 นาทีก็จะเป็นการดีต่อร่างกายแต่ก็ไม่ควรที่จะออกเป็นประจำทุกวันถ้าหากจำเป็นต้องออกกำลังกายเกินกว่า 30 นาทีควรทำสัปดาห์ละ 3-5 วันเท่านั้นก็พอ 

 

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังผู้สูงอายุ

สุขภาพดี 3 อย่างจะช่วยให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รู้หรือไม่ว่า การที่เราให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายเป็นหลัก เรียกได้ว่าเป็นในปัจจัยสำคัญที่หลายคนไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราอายุเริ่มมากขึ้น

ปัญหาสุขภาพร่างกายย่อมเกิดขึ้นตามกาลเวลา กลัวไปจนถึงอวัยวะต่างๆภายในร่างกายก็จะเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลาเช่นกัน ฉะนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกาย ซึ่งในสมัยนี้เราก็สามารถสร้างรูปร่าง สร้างสุขภาพจิต และสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงได้หลากหลายวิธีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นทางการออกกำลังกาย การนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ

รวมไปจนถึงการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการไม่เครียด ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้จะช่วยให้เรานั้นสามารถมีสุขภาพร่างกายที่ดีสามารถใช้ชีวิตในประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเมื่อเราแก่ตัวไปเราก็จะมีความสุขกับการใช้ชีวิตได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ฉะนั้น สำหรับใครที่กำลังเริ่มต้นจะหันมาดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดี ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำสามสิ่งที่จะช่วยให้เรานั้นมีสุขภาพร่างกายที่ดี สามารถทำให้เรามีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นได้ จะมีอะไรบ้างที่เราควรให้ความสำคัญไปดูกันเลย

  • สุขภาพกาย

เป็นหนึ่งในอันดับต้นต้นที่เราควรจะให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายของเราแข็งแรงอยู่เสมอ จะทำให้เรามีความสุขกับการใช้ชีวิตและสามารถขับเคลื่อนชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังทำให้เรานั้นสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

ไม่ว่าใครก็ตามจะมีวิธีในการดูแลสุขภาพกาย ก็จะเลือกวิธีที่เหมาะสมกับร่างกายของตนเอง เพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพร่างกายได้ทำให้การใช้ชีวิตของเรามีประสิทธิภาพ

  • สุขภาพจิต

เนื่องจากคนส่วนใหญ่มีความเครียดที่เพิ่มมากขึ้น ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคซึมเศร้า ซึ่งขอบอกเลยว่าการที่เรามีสุขภาพจิตที่ย่ำแย่ ยิ่งทำให้การดำเนินชีวิตของเรานั้นแย่ลงด้วยเช่นกัน ฉะนั้น ทางที่ดีเราควรที่จะให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิต

หากใครที่มีความเครียดมากๆก็ควรที่จะมองหากิจกรรมหรือวิธีที่จะทำให้ตนเองนั้นรู้สึกผ่อนคลาย เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาต่างๆเกี่ยวกับสุขภาพจิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้านั่นเอง

  • ปัญหาทางด้านสังคม

การที่เราเลือกอยู่ในสังคมที่เหมาะสมกับตนเอง หรือสังคมที่ดี เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่หลายคนไม่ควรมองข้าม เพราะการที่เราอยู่ในสังคมที่ดีจะทำให้เรานั้นมีความสุขกับการใช้ชีวิต

ทำให้เราไม่เครียดได้ง่ายง่าย อีกทั้งยังทำให้เรานั้นสามารถมีความสุขกับการใช้ชีวิตได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย รับรองได้เลยว่าการเลือกอยู่ในสังคมที่ดีก็จะทำให้ชีวิตของเรานั้นดียิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก

แนะนำเคล็ดลับออกกำลังกายอย่างไรให้ช่วยชะลอวัยได้

แนะนำเคล็ดลับออกกำลังกาย นอกจากการมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงแล้ว เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้ ไม่ว่าใครก็ตามก็คงอยากที่จะมีรูปร่างที่ดี มีหุ่นที่สวย เป๊ะ และหน้าดูอ่อนกว่าวัยกันอย่างแน่นอน

ซึ่งรู้หรือไม่ว่า การชะลอวัย คือการที่เรายืดอายุของตนเองให้ดูเด็กลง เพื่อเป็นหนึ่งในตัวช่วยในการเพิ่มบุคลิกภาพ และความมั่นใจให้แก่ตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่กำลังเข้าสู่วัยทำงาน หรือวัยทอง เพราะเป็นช่วงวัยที่ร่างกายต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพร่างกาย และสุขภาพผิวของเรา ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า ในสมัยปัจจุบันนี้สาว ๆ ส่วนใหญ่เริ่มที่จะหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพผิวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้ง การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ราคาแพง การทานอาหารเสริม

รวมไปถึงการเลือกทานอาหารที่ช่วยบำรุงผิวได้ แต่รู้หรือไม่ว่าในสมัยปัจจุบันนี้ มีวิธีการดูแลสุขภาพผิว และทำให้เรานั้นหน้าดูอ่อนกว่าวัยได้ด้วยวิธีธรรมชาติ ซึ่งนั่นก็คือการออกกำลังกายเป็นประจำ ยิ่งถ้าเราออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ให้ถูกวิธี ก็จะสามารถช่วยทำให้เรานั้นดูเด็กลงได้ ช่วยให้ผิวพรรณดี เปล่งปลั่ง สุขภาพดี จากภายในสู่ภายนอก

ฉะนั้น เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้ คงเริ่มที่จะมองหาวิธีการออกกำลังกายที่สามารถช่วยชะลอวัยได้ ซึ่งก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการออกกำลังกายอย่างให้ช่วยชะลอวัยได้ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 

1.การออกกำลังกายเพื่อปรับความสมดุล 

รู้หรือไม่ว่า การที่เราออกกำลังกายเพื่อช่วยในการปรับความสมดุลให้แก่ร่างกาย นอกจากจะช่วยปรับปรุงการทรงตัวของเราได้แล้ว ยังช่วยคงความสมดุลของร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แถมยังเป็นหนึ่งในตัวช่วยในการป้องกันร่างกายจากเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้าย หรือการล้มป่วย

ฉะนั้น หากใครที่อยากมีสุขภาพร่างกายที่ดีจากภายในสู่ภายนอก หรือยากที่จะทำให้ตนเองนั้นดูเด็กลง การออกกำลังกายที่สามารถช่วยปรับความสมดุลของร่างกายเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม 

2.การออกกำลังกายเพื่อความคล่องตัว

เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายของเรามีการเคลื่อนไหวอย่างคล่องตัว นอกจากจะช่วยให้การดำเนินชีวิตของเราเต็มไปด้วยประสิทธิภาพแล้ว ยังเป็นการช่วยยืดกล้ามเนื้อ ยืดเอ็น ข้อต่อ หรือเนื้อเยื่อภายในร่างกายของเราให้ดีได้มากยิ่งขึ้น

ยิ่งถ้าเราหมั่นเคลื่อนไหวร่างกายด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ ก็จะสามารถช่วยป้องกันการเกิดอาการต่าง ๆ ได้ ช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพร่างกายที่ดีได้ รวมไปถึงอาจช่วยให้เรานั้นดูเด็กลง หรือดูอ่อนกว่าวัยได้ 

3.การออกกำลังกายเพื่อความอดทนของร่างกาย

หลายคนอาจจะออกกำลังกายเพื่อช่วยในการเสริใสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย แต่ทว่า การออกกำลังกายเป็นประจำก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยในการส่งเสริมความอดทนของร่างกายได้ และยังเป็นการเสริมสร้างสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง ช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ

ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันการเกิดโรคร้าย ทำให้เราอารมณ์ดี นอนหลับได้อย่างเต็มอิ่ม รวมไปถึง ทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นได้อีกด้วย

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่

เคล็ดลับนอนหลับอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้ ใชชีวิตกันด้วยความเร่งรีบ เพราะจะต้องใช้ชีวิตแข่งกับเวลา จึงทำให้บางคนนั้นไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลตนเองกันเท่าไหร่

เพราะทำงานมาอาจจะรู้สึกเหนื่อย จนไม่อยากที่จะทำอย่างอื่น ฉะนั้น จึงทำให้บางคนนั้นปล่อยละเลยการดูแลสุขภาพร่างกาย และทำให้ร่างกายอ่อนแอ เสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้ง่ายมากขึ้น เพราะการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีอยู่เสมอ

เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่หลาย ๆ คนไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าเราจะทำงานหนักมากขนาดไหนก็ตาม ก็ควรที่จะให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองด้วยเช่นกัน เพื่อเป็นการรักาสุขภาพร่างกาย และช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบต่าง ๆ ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม การที่เราจะมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงได้นั้น สมัยนี้สามารถทำได้หลากหลายวิธีที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย

การเลือกรับประทานอาหาร รวมไปถึงการนอนหลับอย่างเหมาะสม ดังนั้น หากใครที่อยากมีสุขภาพร่างกายที่ดีจากภายในสู่ภายนอก วันนี้เราก็จะมาแนะนำเคล็ดลับการนอนหลับอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ ไปดูกันเลย

  • การจัดเวลานอนให้เหมาะสม

แน่นอนว่าการนอนเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ร่างกายของเราจะต้องได้รับ เพราะการนอนหลับอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายได้ทำการซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่

เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพร่างกายที่ดีนั่นเอง ฉะนั้น การที่เรารู้จักการจัดการกับเวลานอน ให้มีความเหมาะสมแต่การใช้ชีวิต อาจเป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้เรานั้นสามาถมีสุขภาพร่างกายที่ดีได้ 

  • การทำจิตใจให้สงบสดใสก่อนนอน

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว้า การที่เราจะนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น สิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามคือ การทำจิตใจให้สงบ ทำให้จิตใจให้สดใสอยู่เสมอ โดยที่เราไม่ได้มีความกังวลใจอะไร เพียงแค่นี้ก็จะช่วยให้เราสามารถนอนหลับได้อย่างเมอิ่ม

พักผ่อนได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่จะทำให้เรานั้นนอนหลับได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย 

  • การหลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนัก

คนส่วนใหญ่ชื่นชอบการทานอาหารมื้อหนักก่อนเข้านอนเป็นอย่างมาก เพราะอาจจะมองว่าทำงานมาเหนื่อย ๆ ถ้าได้ทานของอร่อย ๆ ก่อนนอนก็คงจะดีมาก ๆ ถึงแม้ว่าการทานอาหารจะดีต่อสุขภาพ แต่ก่อนนอนเราก็ควรที่จะเลือกอาหารที่เหมาะสม

หรืออาหารที่ไม่หนักท้องมากจนเกินไป เพื่อไม่ให้กระเพาะอาหาร หรือระบบย่อยอาหารทำงานหนัก จนอาจก่อนใหเกิดโรคกรดไหลย้อนได้

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    www.hoiana-exclusivex.com

ออกกำลังกายช่วงไหนดีต่อร่างกายของเรามากที่สุด

เนื่องจาก การออกกำลังกาย เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่หลายคนหันมาให้ความสำคัญกับเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายในรูปแบบไหนก็ตาม จะสามารถช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันโรค ช่วยป้องกันร่างกายของเราจากการเป็นโรคร้ายต่างๆได้

จึงทำให้หลายหลายคนนะหันมาออกกำลังกายกันมากขึ้นเรื่อยเรื่อย ซึ่งรู้หรือไม่ว่า ถึงแม้ว่าการออกกำลังกายจะเป็นอย่างไรกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเรามากขนาดไหนก็ตาม

แต่สำหรับบางคนก็มักที่จะออกกำลังกายผิดเวลาหรือผิดวิธี จึงทำให้การออกกำลังกายนั้นไม่มีประสิทธิภาพและส่งผลและกระทบต่อสุขภาพร่างกายได้ เพราะการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี และถูกช่วงเวลา นอกจากจะทำให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพแล้ว

ยังอาจเกิดประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ฉะนั้น เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยนี้หันมาออกกำลังกายกันมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวันนี้เราก็จะมาแนะนำการออกกำลังกายให้เหมาะสมเพื่อให้เกิดประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพร่างกายของเรา

ซึ่งการออกกำลังกายควรที่จะออกช่วงเวลาไหนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายของเราได้มากที่สุด ไปดูกันเลย

  • การออกกำลังกายในช่วงเช้า แน่นอนว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการออกกำลังกายเพื่อให้เกิดประโยชน์ คือการออกกำลังกายในช่วงเช้าหรือหลังตื่นนอน

เพราะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่เราจะสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง แถมยังทำให้เรานั้นได้สูดอากาศบริสุทธิ์อีกด้วย รับรองได้เลยว่าหากใครที่อยากออกกำลังกายให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด

การออกกำลังกายในช่วงเช้า ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมและดีต่อร่างกายของเรามากที่สุด แถมยังทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่นมีพลังงานและพร้อมสู้งานได้อีกด้วย

  • การออกกำลังกายในช่วงเย็น เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบตื่นเช้า

แถมยังเป็นช่วงเวลาที่คนส่วนใหญ่นั้นชอบออกกำลังกายในช่วงนี้กันมากๆ เพราะเป็นช่วงเวลาที่หลายหลายคนมักที่จะรวมตัวกันและชักชวนกันออกไปเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย

ถึงแม้ว่าในบางครั้งจะมีอากาศที่ร้อน แต่ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาในการออกกำลังกายที่เหมาะสมและดีต่อสุขภาพร่างกายของเราได้เช่นกัน

  • การออกกำลังกายในช่วงเช้ามืด สำหรับใครที่ชื่นชอบการออกกำลังกายโดยที่ไม่ค่อยมีคน การออกกำลังกายในช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ตอบโจทย์มาก ๆ

เพราะนอกจากจะทำให้เราไม่ต้องเจอกับผู้คนที่เยอะ ยังถือเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของเราต้องการที่จะเสียเหงื่อ เพื่อเป็นการกระตุ้นการทำงานของร่างกายและเพิ่มการไหลเวียนเลือด

ถึงแม้ว่าช่วงเวลานี้อาจจะไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาแต่อยากที่จะออกกำลังกายในช่วงเวลาที่เหมาะสม ช่วงเวลานี้ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆเช่นกัน

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังคนหูหนวก

3 โรคซึมเศร้าที่เราไม่ควรมองข้าม

รู้หรือไม่ว่าโรคซึมเศร้าเป็นหนึ่งในโลกที่มีความอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพร่างกายของและหลายคนเป็นอย่างมาก เพราะโรคนี้ไม่เพียงแต่เป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเรา

แต่ยังเป็นหนึ่งในรูปที่อาจคร่าชีวิตของใครหลายๆคนได้อีกด้วย เนื่องจากโรคนี้จะมีอาการที่เกิดขึ้นและหลายๆคนมักที่จะมองข้ามเช่น อาการซึมเศร้า ไม่เข้าสังคม  มีอารมณ์ที่แปรปรวนอยู่บ่อยๆ

รู้สึกหงุดหงิดได้ง่าย หรือในบางครั้งแทบจะไม่คุยกับใครเลยซึ่งอาการดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในอาการที่ทำให้เรานั้นได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่าย แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้อาจจะยังไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วนั้นโรคซึมเศร้ามีหลากหลายรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป

ซึ่งสำหรับใครที่มองว่าโรคซึมเศร้าเป็นโรคที่ไม่ได้มีความอันตรายหรือร้ายแรงแต่อย่างใดเพราะก็เป็นอาการหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตเช่นนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่าโรคซึมเศร้าที่เราไม่ควรมองข้ามในแต่ละรูปแบบนั้นจะมีโรคซึมเศร้าในรูปแบบไหนกันบ้างไปดูกันเลย

  • โรคซึมเศร้า โรคซึมเศร้าชนิดนี้ถือเป็นโรคซึมเศร้าที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของระบบประสาท รวมไปถึงการสื่อสารทางสมอง ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าประเภทนี้ มีความรู้สึกที่ซึมเศร้าอยู่ตลอดเวลาหรืออาจขาดความสนใจ จากฝ่ายตรงข้าม

หรือในบางครั้งอาจมีอาการนอนไม่หลับ เบื่ออาหารเหนื่อยง่ายหรือแม้แต่อาการไม่มีสมาธิเองก็ตามซึ่งโรคซึมเศร้าชนิดนี้ถือเป็นโรคซึมเศร้าที่เราไม่ควรมองข้ามเพราะหากปล่อยไว้อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของเราได้

  • โรคซึมเศร้าแบบไบโพลาร์ โรคนี้คือจะเกิดขึ้นจากความผิดปกติทางอารมณ์สองขั้ว ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมองอาการนี้เป็นอาการที่ไม่ค่อยรุนแรงและไม่ได้มีความอันตรายแต่ในความเป็นจริงแล้วลูกซึมเศร้าไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ตามก็ถือมีความอันตรายและร้ายแรงต่อร่างกายของเราได้ทั้งนั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคซึมเศร้าแบบไบโพลาร์ เพราะอาจเกิดขึ้นจากการที่เรามีอารมณ์ที่แปรปรวน มีความคิดที่สับสน รวมไปถึงมีอาการไม่กระตือรือร้นและอาจหดหู่ได้ง่าย

  • โรคซึมเศร้าแบบจิตหลอน รู้หรือไม่ว่าลูกซึมเศร้าในรูปแบบนี้หรือชนิดนี้มีความอันตรายร้ายแรงเป็นอย่างมากเพราะจะมีอาการหลักๆเลยก็คือ จะมีอาการประสาทหลอน เห็นภาพซ้อน หรือภาพหลอน มีอาการหูแว่ว ได้กินแปลกปลอมอยู่บ่อยๆ หรือในบางครั้งอาจมีอาการหลงตัวเองร่วมด้วยเช่นกัน

ซึ่งโรคซึมเศร้ารูปแบบนี้ถือเป็นรูปแบบที่มีความอันตรายร้ายแรงเป็นอย่างมาก หากรู้ว่าตนเองได้รับความเสี่ยงก็ควรที่จะรีบเข้ารับการรักษาเพื่อไม่ให้อาการนั้นรุนแรงมากยิ่งขึ้น

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

เคล็ดลับดื่มน้ำอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพผิว

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าน้ำเป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญต่อร่างกายของเรา หรือเรียกได้ว่าขาดไม่ได้เพราะน้ำนอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่นได้แล้ว

ยังสามารถช่วยชำระล้างสารตกค้างที่อยู่ภายในร่างกายของเรา ช่วยทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่ดีจากภายในได้อีกด้วย และที่สำคัญยังมีส่วนช่วยในการปรับความสมดุล ของร่างกายไม่ให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำได้ง่ายอีกด้วย ซึ่งสาวๆส่วนใหญ่มองว่าการดื่มน้ำเยอะๆนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีต่อร่างกายแถมยังมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

และเราจะเห็นได้ว่า ใครก็ตามที่อยากมีสุขภาพผิวที่ดูอิ่มน้ำอิ่มฟูหรือมีสุขภาพผิวพรรณที่ดีนั้นก็มักที่จะหันมาดื่มน้ำกันเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ

จากปกติที่ร่างกายของคนเราจะต้องได้รับน้ำอย่างเพียงพอวันละ 8 แก้ว แต่สมัยปัจจุบันนี้ยิ่งเราดื่มน้ำเยอะ ก็ยิ่งส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายของเรา เพราะฉะนั้น สำหรับใครที่อยากมีสุขภาพร่างกายที่ดีและอยากทำให้ผิวของเรานั้น มีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ด้วยการดื่มน้ำ

วันนี้เราจะมา แนะนำเคล็ดลับง่ายๆในการดื่มน้ำอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพอยู่ของเรารับรองได้เลยว่าหากทำเป็นประจำนั้นนอกจากเราจะได้สุขภาพผิวที่ดีผิวที่ดูชุ่มชื้นแล้วยังดีต่อสุขภาพร่างกายของเราอีกด้วย

  • การดื่มน้ำอุ่นก่อนนอน

คนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้ไม่ชอบการดื่มน้ำก่อนนอนเพราะอาจจะมองว่าถ้าเราดื่มน้ำก่อนนอนอาจจะทำให้เรา ปวดท้องหรือปวดฉี่ก่อนที่จะเข้านอนได้เพราะบางคนอาจจะขี้เกียจลุกไปเข้าห้องน้ำแต่รู้หรือไม่ว่าเพื่อสุขภาพผิวที่ดีนั้น การที่เราดื่มน้ำอุ่นๆก่อนนอนถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยบำรุงสุขภาพผิวของเราได้ เพราะนอกจากจะช่วยบำรุงผิวของเราได้เป็นอย่างดีแล้วยังทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและหลับได้สบายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

  • การดื่มน้ำอุณหภูมิห้อง

รู้หรือไม่ว่าหลายๆคนชื่นชอบการดื่มน้ำที่เย็นจัดมากๆเพราะสามารถเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย แต่สำหรับใครที่อยากดื่มน้ำเพื่อบำรุงผิวพรรณของตนเองทั้งที่ดีควรที่จะเลือกดื่มน้ำอุณหภูมิห้อง เพราะการที่เราดื่มน้ำในระดับอุณหภูมิห้องของเรานั้นจะทำให้ร่างกายของเราดูดซึมน้ำได้ง่ายมากขึ้น และที่สำคัญยังมีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดภาวะน้ำเป็นพิษอีกด้วย

  • การดื่มน้ำหลังตื่นนอน

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าหลังจากที่เราตื่นนอนนั้นควรที่จะดื่มน้ำเป็นอันดับแรกก่อนที่เราจะไปทำธุระอย่างอื่นเพราะการที่เราดื่มน้ำหลังจากตื่นนอนแล้วนอกจากจะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายของเราแล้วยังช่วยชำระล้างสารพิษตกค้างภายในร่างกายของเราให้ออกมาได้อีกด้วยซึ่งก็ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่จะทำให้เรานั้นมีสุขภาพผิวที่ดีได้นั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    ถ่านเครื่องช่วยฟัง

3 ชาสมุนไพรมีประโยชน์ดื่มได้ทุกวัน

รู้หรือไม่ว่าในสมัยปัจจุบันนี้ ชาสมุนไพรเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่หลายๆคนนั้นไม่ยอมดื่มกันเป็นอย่างมาก เพราะอาจจะมองว่าเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ร่างกายของเราต้องการแถมยังเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่สามารถช่วยบรรเทาอาการต่างๆเหลือรักษาโรคต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ชาสมุนไพรมีประโยชน์ และแน่นอนว่า นอกจากการเลือกรับประทานอาหารจะมีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราแล้ว เครื่องดื่มสมุนไพรก็ถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเรา

แถมยังเป็นเครื่องดื่มที่เราสามารถดื่มได้ทุกวันและมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอีกด้วย เพราะเนื่องจากว่าชาสมุนไพรนั้นเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์ต่างๆมากมาย ซึ่งหากเราดื่มเป็นประจำนั้นก็จะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงให้แก่เราได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ฉะนั้น สำหรับใครที่อยากเริ่มต้นหันมาดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีด้วยการดื่มเครื่องดื่มสมุนไพรหรือชาสมุนไพร วันนี้เราก็จะมาแนะนำชาสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเราแถมยังเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่เราสามารถดื่มได้ทุกวันอีกด้วย จะมีชาอะไรกันบ้างไปดูกันเลย

  • ชาขิง แน่นอนว่าเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่หลายๆคน

นั้นเลือกที่จะดื่มกันเป็นอย่างมากเนื่องจากขิงเป็นหนึ่งในสมุนไพร ที่มีฤทธิ์ร้อนแถมยังมีประโยชน์ดีต่อสุขภาพร่างกายของเราที่สามารถช่วยต้านการอักเสบหรือช่วยต้านการเกิดโรคร้ายบางโรคได้ ขอบอกเลยว่าเครื่องดื่มชนิดนี้เป็นเครื่องดื่มที่นิยมเป็นอย่างมากสำหรับหลายๆคนเพราะเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่สามารถดื่มได้ทุกวันแถมยังมีประโยชน์ดีๆต่อร่างกายของเราอีกด้วย

  • ชาโสมเกาหลี เป็นอีกหนึ่งในชาสมุนไพรที่เราไม่ควรพลาด

จะเป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นชาที่หาดื่มได้ยากแต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นชาสมุนไพรหรือชาโสมเกาหลีเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยเสริมสร้างกระบวนการทำงานของระบบประสาทและสมองได้ ช่วยลดความเครียด ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง และที่สำคัญยังถือเป็นหนึ่งในชาสมุนไพรที่สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

  • ชาคาโมมายล์ เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มหรือชาสมุนไพร

ที่เรียกได้ว่ามีประโยชน์ดีๆต่อร่างกายและสามารถดื่มได้ทุกวัน เพราะชาสมุนไพรชนิดนี้นอกจากจะมีประโยชน์ต่อร่างกายยังช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้ ช่วยลดปัญหาการนอนหลับ ช่วยลดภาวะการเกิดโรคซึมเศร้า และที่สำคัญยังมีส่วนช่วยในการป้องกันอาการท้องผูกและลดอาการท้องเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง รับรองได้เลยว่าหากเราดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้เป็นประจำจะยิ่งดีต่อสุขภาพร่างกายของเราอย่างแน่นอน

 

สนับสนุนโดย    Hoiana Casino

ข้อแตกต่างระหว่างไข้เลือดออกและไข้หวัด

ทั้งสองโรคนี้บางทีเราก็แยกไม่ออกจริงๆว่ามันแตกต่างกันอย่างไร แต่เอาจริงๆก็อย่าเป็นทั้งสองโรคเลยจะดีกว่า สำหรับอากาศบ้านเราตอนนี้ก็นำพาสองโรคนี้มาด้วย เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นไข้หวัดหรือเราเป็นไข้เลือดออกกันแน่

ดังนั้นหากคุณก็เป็นคนหนึ่งที่แยกไม่ออกเรามาดูวิธีดูแลและวิธีป้องกันกันดีกว่าว่า ถ้าเป็นโรคแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคอะไร หรือ  เครื่องช่วยฟังอย่างดี   ถ้าเราเป็นแล้วจะดูแลตัวเองอย่างไรถึงจะถูกต้องและไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต

มารู้จักข้อแตกต่างระหว่างไข้เลือดออกและไข้หวัด

  • อาการของไข้เลือดออก

โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่เป็นโรคไข้เลือดออก มักจะมีอาการร่างกายอ่อนเพลียหรือบางคนก็จะมีอาการปวดท้องร่วมด้วยซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าอาการจะคล้ายคล้ายกับโรคไข้หวัดเพราะจะปวดเมื่อยตามเนื้อตัวแต่หากมีระยะเวลาในการป่วยจะค่อนข้างแตกต่างกันและไข้จะสูงขึ้นมาก

โดยใช้ระยะเวลาประมาณสองถึงเจ็ดวันในขณะที่บางรายที่เราพบเจอก็มีอาการชักร่วมด้วยดังนั้นอาการชักนี้จะไม่เป็นทุกคนแต่ส่วนใหญ่แล้วถ้ามีอาการชักก็จะมักเกิดขึ้นกับเด็กเสียมากกว่า

อาการต่อมาที่สังเกตได้ก็คืออาการไม่มีแรงแขนขาสั่นมักจะมีจุดเล็กๆตามตัวหรือตามจุดต่างๆยกตัวอย่างเช่นแขนขาจะมีจุดแดงแดงขึ้นบริเวณเหล่านั้นโดยเราจะรู้ได้ทันทีว่าเป็นอาการของไข้เลือดออกแต่ที่สำคัญหากว่ารู้แล้วว่าเป็นใครเลือดออกก็ควรทานอาหารอ่อน

เพราะว่าอาจจะมีอาการอาเจียนขั้นรุนแรงเกิดขึ้นได้ดังนั้นอาหารที่ผู้ป่วยควรรับประทานต้องไม่รสจัดหรือเป็นอาหารอ่อนเช่นข้าวต้มเป็นต้น

  • อาการไข้หวัด

อาการเริ่มต้นจากการเป็นไข้หวัดแล้วก็ไม่สามารถแยกออกจากใครเลือดออกได้เช่นกันแต่เมื่อนานไปไข้เลือดออกจะมีตุ่มแดงแต่ไข้หวัดจะไม่เป็นตุ่มดังนั้นเราจะสามารถแยกออกจากตรงนี้หรืออาจจะสังเกตจากอาการคัดจมูกเจ็บคอปวดศีรษะก็ได้เช่นกันแต่ถ้าหากเป็นไข้หวัดแล้วต้องระวังในวัยเด็กให้มากๆเนื่องจากอาจจะทำให้ไวรัสตัวนี้ลงปอดได้

อาการแทรกซ้อนเหล่านี้จะเป็นอันตรายต่อเด็กมากซึ่งจะพบแค่ในวัยเด็กเท่านั้นหากเป็นวัยผู้ใหญ่จะไม่อันตรายเท่ากับวัยเด็กสิ่งที่ต้องระวังให้ดีก็คือหลังเป็นไข้หวัดประมาณสองวันจะมีอาการไข้สูงสูงต่ำต่ำดังนั้นควรทานเกลือแร่หรือน้ำผลไม้หรือจิบน้ำให้มากๆและพักผ่อนให้เพียงพอต้องอยู่ในห้องที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก

แต่ไม่ใช่เปิดแอร์ใส่เพราะอาจจะทำให้ใครขึ้นสูงได้ในกรณีที่เป็นไข้เกินเกินสามวันควรพาไปพบแพทย์เพราะหลีกเลี่ยงอันตรายที่จะตามมา

ประโยชน์ที่ได้จากการทานผัก เคล็ดลับการเลือกทานผักที่ได้ประโยชน์สูงสุด

การทานผักเป็นส่วนสำคัญของอาหารที่สมดุลและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แนะนำให้คำนึงถึงการรวมผักในเมนูอาหารของคุณเพื่อสุขภาพที่ดี การทานผักมีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพของร่างกาย เนื่องจากผักเป็นแหล่งโภชนาการที่สำคัญ และมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่าง ๆ ดังนี้

1.วิตามินและแร่ธาตุ: ผักเป็นที่มีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มีการเผยแพร่อย่างแพร่หลายในผักต่าง ๆ ซึ่งช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และสนับสนุนการเจริญเติบโตของร่างกาย

2.ใยอาหาร: ผักเป็นที่มีใยอาหารที่สูง เช่น ใยอาหารทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานได้ดี ลดความเสี่ยงของโรคหลาย ๆ ประการ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็งลำไส้

3.น้ำตาลที่ดี: ผักมีน้ำตาลที่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด

4.สารต้านอนุมูลอิสระ: ผักมีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ที่ช่วยป้องกันร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระที่สาเหตุของหลายๆ โรค

5.ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรค: การทานผักเป็นปัจจัยที่สามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และมะเร็ง

6.การรักษาน้ำหล่อเลี้ยง: การทานผักมีส่วนช่วยในการรักษาน้ำหล่อเลี้ยง ด้วยการทำให้เซลล์ทำงานได้ดี และประโยชน์ในการสร้างเลือด

7.ควบคุมน้ำหนัก: ผักมีพลังงานต่ำและสูงในใยอาหาร ทำให้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

8.รักษาปัญหาทางทวารหนัก: การทานผักสามารถช่วยลดความหนักของทวารหนัก ลดการอักเสบ และส่งเสริมการทำงานของลำไส้

9.ร่วมมือในการลดความดันโลหิต: ผักมีความผันผวนความดันโลหิตได้ ช่วยลดความดันโลหิตสูง

10.บรรเทาปัญหาทางทางเดินอาหาร: ในบางกรณี การทานผักอาจช่วยบรรเทาปัญหาทางทางเดินอาหาร เช่น การมีใยอาหารที่ช่วยในการย่อยอาหารและการเคลื่อนย้ายในลำไส้

การเลือกทานผักที่มีประโยชน์สูงสุดควรคำนึงถึงความหลากหลายของผักในเมนูอาหารของคุณ เนื่องจากแต่ละชนิดของผักมีสารอาหารที่แตกต่างกัน ดังนี้

1.ผักเขียวหวาน: เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักกาดขาว มีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ สูง มีใยอาหารที่ช่วยในกระบวนการทางเดินอาหาร

2.ผักที่มีสีเข้ม: เช่น ผักใบเขียวเข้ม ส้ม และแดง เช่น ผักโขม ซันดรี และแครอท มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

3.ผักใบเขียวเข้ม: เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง และผักกาดขาว เป็นแหล่งเฟอร์โรฟลิเอต กรดฟอลิก และวิตามิน

4.ผักที่มีรสขม: เช่น ผักกาด ผักสลัด และผักชี มีสารที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ

5.ผักที่มีสีสันหลากหลาย: เช่น พริก บรอโคลี และบลูเบอร์รี เหล่านี้มีสารที่ช่วยป้องกันการเสียชีวิตของเซลล์

6.ผักที่มีใยอาหารสูง: เช่น บรอโคลี แครอท และบล็อคโคลี มีใยอาหารที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้

7.ผักที่มีน้ำตาลที่ต่ำ: เช่น บรอโคลี ผักกาดขาว และสลัด ที่มีน้ำตาลที่ต่ำและมีประโยชน์ต่อการควบคุมน้ำตาลในเลือด

8.ผักที่มีวิตามิน C: เช่น พริก ส้ม และมะนาว มีสารต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน

การรวมผักจากกลุ่มต่าง ๆ ในอาหารของคุณจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์ที่ครอบคลุมทั้งระบบภูมิคุ้มกัน ระบบทางเดินอาหาร ระบบทรวงอาหาร และระบบอื่น ๆ ในร่างกายของคุณ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก